ผู้ประกันตน ม.33 เฮ! ตกงานเพราะถูกเลิกจ้าง ครม. เพิ่มเงินชดเชยเป็น 60%

ผู้ประกันคนมาตรา 33 เฮ! ครม. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงแรงงาน เพิ่มเงินชดเชยผู้ประกันตนว่างงานกรณีถูกเลิกจ้างเป็น 60% ของค่าจ้างรายวัน แต่ไม่เกิน 180 วัน

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้ สาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน พ.ศ. 2567

ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ รวมทั้งให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย

ปัจจุบันลูกจ้างที่สิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 เพราะถูกเลิกจ้างมีสิทธิได้รับเงินชดเชยกรณีว่างงานตามกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ และอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน พ.ศ. 2547 ในอัตรา 50% ของค่าจ้างรายวัน อาจไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต

สำหรับการปรับเพิ่มอัตราการได้รับประโยชน์ชดเชยในกรณีว่างงานเพราะเหตุถูกเลิกจ้างจากอัตรา 50% ของค่าจ้างรายวันสำหรับการว่างงาน เพราะเหตุถูกเลิกจ้างเป็น 60% ของค่าจ้างรายวัน ภายในระยะเวลาไม่เกิน 180 วัน เช่นเดิม

การปรับเพิ่มอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเพราะเหตุถูกเลิกจ้างตามร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้ กระทรวงแรงงาน ได้ดำเนินการตามมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 แล้ว โดยประมาณการรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการปรับเพิ่มอัตราเงินทดแทนดังกล่าว ประมาณ 1,035.40 ล้านบาทต่อปี (แต่ละปีจะเพิ่มขึ้นตามร้อยละของเงินเดือนหรือค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากการจ่ายเงินทดแทนคิดจากเงินเดือนหรือค่าจ้าง)

ทั้งนี้ จากข้อมูลการวิเคราะห์ทางคณิตศาสตร์ประกันภัย การปรับเพิ่มเงินทดแทนดังกล่าวจะมีต้นทุนค่าใช้จ่ายเพิ่มจากร้อยละ 0.53 ของค่าจ้าง เป็นร้อยละ 0.62 ของค่าจ้าง ซึ่งยังคงน้อยกว่าเงินสมทบที่จัดเก็บ รวมถึงกองทุนประกันสังคมยังสามารถรองรับวิกฤติสถานการณ์ว่างงานสูงกว่าปกติ 4 เท่า เป็นระยะเวลามากกว่า 3 ปี 6 เดือน ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อสถานะของกองทุนประกันสังคม